สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่และเงินรางวัลรวม 390,000 บาท พร้อมไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ บริษัท ผลิตศิลป์ จาก โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา จ.นครปฐม ประดิษฐ์ตัวการ์ตูนและลายไทย 3 มิติ ด้วยเศษกระดาษ นำใส่กรอบตกแต่งผนังและเป็นของที่ระลึก รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล ได้รับโล่และเงินรางวัลรวมรางวัลละ 350,000 บาท พร้อมไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ บริษัท MC Relax Shoes จากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ผลิตรองเท้านวดเพื่อสุขภาพ ลดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเท้า และบริษัท ข้าวบ้านฉัน จากวิทยาลัยการอาชีพนางรอง จ.บุรีรัมย์ ผลิตข้าวฮาง อุดมด้วยวิตามินและสารอาหาร ไร้สารแต่งกลิ่น บรรจุในถุงสุญญากาศ
ส่วน รางวัลชมเชย 7 รางวัล ได้รับโล่และเงินรางวัลรวมรางวัลละ 85,000 บาท ได้แก่ บริษัท C.N.S. โมเสก จากวิทยาลัยเทคนิคตราด จ.ตราด ผลิตวัสดุก่อสร้างและตกแต่งอาคาร จากแผ่นมอต้าร์กำลังสูง บริษัท พิซซ่าอีสาน จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุรินทร์ จ.สุรินทร์ นำข้าวกล้องงอกมาทำเป็นแป้งพิซซ่า ปรุงหน้าด้วยเมนูอาหารอีสาน บริษัท คลินิกยานยนต์ จากวิทยาลัย การอาชีพไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ธุรกิจคาร์แคร์ ตรวจเช็คและซ่อมรถยนต์ทุกประเภท บริษัท ยิ้มละไม ไหมขัดฟัน จากโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ จ.อุดรธานี ผลิตและจำหน่ายไหมขัดฟันทำจากเส้นใยไหมแท้ รูปแบบทันสมัย บริษัท K.P.เครื่องสไลซ์เอนกประสงค์ จากโรงเรียนคีรีมาศพิทยาคม จ.สุโขทัย ผลิตเครื่องสไลด์ฟักทองด้วยระบบมอเตอร์ ได้แผ่นฟักทองขนาดมาตรฐาน ผลผลิตสูง ประหยัดเวลา บริษัท Electric Wheelchair Center จากโรงเรียนอุดมดรุณี จ.สุโขทัย ประดิษฐ์รถเข็นไฟฟ้าระบบรีเลย์สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ และบริษัท Little Dolls จากโรงเรียนดุสิตพณิชยการ กรุงเทพฯ ผลิตตุ๊กตาดินเผา พร้อมจัดอบรมปั้นตุ๊กตาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ โครงการกรุงไทย ยุววาณิช เป็นหนึ่งในโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้านการศึกษา ที่มุ่งเสริมสร้างทุนทางปัญญาให้กับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั้ง สายสามัญและสายอาชีพ เพื่อให้ได้เรียนรู้การทำธุรกิจ โดยธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545 และสำหรับในปี 2553 ธนาคารจะเปิดรับสมัครนักเรียนเข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 23 กรกฎาคม 2553
สามารถดูรายละเอียดที่ได้ที่ : www.youngenterprise.ktb.co.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายเสริมสร้างทุนทางปัญญาและกิจกรรมเพื่อ สังคม โทร. 0-2208-8674-6
วันที่: 29 มีนาคม 2553
แหล่งที่มา . ไทยรัฐออนไลน์
